Post Top Ad

วิธีการสำรองข้อมูล iPhone, iPod touch และ iPad ด้วย iCloud & iTunes ไม่ให้ข้อมูลหาย

การสำรองข้อมูล เป็นหนึ่งในขั้นตอนพื้นฐานที่ผู้ใช้งาน iPhone, iPod touch และ iPad ควรศึกษาไว้ เพราะการสำรองข้อมูลจะทำให้เราไม่เสียข้อมูลของเครื่องไป หากเกิดปัญหาหรือเหตุสุดวิสัย โดยปัจจุบัน การสำรองข้อมูลสามารถทำได้ 2 วิธีคือ บน iTunes และ iCloud


คำแนะนำ

สำหรับผู้ที่มีอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ใช้ที่บ้าน และข้อมูลใน iPhone, iPad และ iPod touch ไม่เยอะมาก แนะนำให้ใช้ iCloud ในการสำรองข้อมูล จะสะดวกมาก เพราะไม่ต้องตั้งค่าใด ๆ (iCloud มีพื้นที่ให้ใช้งานฟรี 5GB)
แต่ถ้ากลัวข้อมูลหาย หรืออยู่ในที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต Wi-Fi เร็ว ๆ ให้ใช้ iTunes สำรองข้อมูลจะมั่นใจได้มากกว่า

การสำรองข้อมูลผ่าน iCloud

ในด้านความแตกต่างของการสำรองข้อมูลด้วย iCloud และ iTunes มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย การสำรองข้อมูลผ่าน iCloud จะเป็นการสำรองข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยระบบจะสำรองข้อมูลของเครื่องไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิลอัตโนมัติ เมื่อเครื่อง iPhone, iPod touch และ iPad เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi และเสียบปลั๊กทิ้งไว้ (ระบบบังคับให้ชาร์จแบตเตอร์รี่ เพื่อป้องกันเครื่องดับก่อนสำรองข้อมูลเสร็จ)
การสำรองข้อมูลผ่าน iCloud ทำได้ผ่าน Wi-Fi เท่านั้น ไม่สามารถสำรองข้อมูลโดยใช้ 3G หรือ 4G 

วิธีการสำรองข้อมูลด้วย iCloud

การสำรองข้อมูลด้วย iCloud สามารถทำได้โดยไปที่ Settings > iCloud > Storage & Backup (การตั้งค่า > iCloud > เนื้อที่เก็บข้อมูลและข้อมูลสำรอง)
IMG_0233 IMG_0234IMG_0235

เมื่อเข้ามาถึงเมนู Storage & Backup ให้เปิดสวิตช์ “iCloud Backup (สำรองข้อมูลใน iCloud)” จะ มีข้อความเตือนขึ้นมาก่อนเริ่มสำรองข้อมูลว่า อุปกรณ์ที่กำลังจะสำรองข้อมูลผ่าน iCloud จะไม่ถูกสำรองข้อมูลด้วย iTunes ของคอมพิวเตอร์แบบอัตโนมัติอีกต่อไป (แต่หากต้องการสำรองข้อมูลผ่าน iTunes ในคอมพิวเตอร์ ก็ยังทำได้เช่นเดิม)
IMG_0236IMG_0237

หลังจากแตะ OK เพื่อตอบตกลงเปิดใช้งาน iCloud Backup แล้ว ให้รอสักครู่ จะมีปุ่ม Backup Now (สำรองข้อมูลตอนนี้) ปรากฎขึ้นมา แสดงว่าเครื่องของเราพร้อมสำหรับการสำรองข้อมูลแล้ว
IMG_0239IMG_0240
โดยระยะเวลาในการสำรองข้อมูล ขึ้นอยู่กับความเร็วในการอัพโหลดข้อมูลของอินเทอร์เน็ตครับ สำหรับอินเทอร์เน็ตบ้านทั่ว ๆ ไป (ADSL ความเร็วในการอัพโหลด 512 กิโลบิตต่อวินาที) จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในการสำรองข้อมูลครั้งแรก ใน การสำรองข้อมูลครั้งถัดๆ ไป จะใช้เวลามากน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของข้อมูล โดยเฉลี่ยประมาณ 10-30 นาที เมื่อแถบสถานะในการสำรองข้อมูลหายไป เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ

ก่อนทำการอัพเดต iOS หรือ Restore เครื่อง ควรตรวจสอบข้อมูลที่สำรองไว้ก่อนเสมอ

หลังจากใช้ iCloud สำรองข้อมูลแล้ว ให้แตะที่ Manage Storage > เลือก iPhone, iPad และ iPod touch ของเรา แล้วตรวจสอบดูว่า iCloud สำรองข้อมูลอะไรไว้ให้บ้าง และสำรองไว้ล่าสุดเมื่อไหร่ (ดูตรง Latest Backup)
สำหรับคนที่มีข้อมูลเยอะมาก โดยเฉพาะรูปภาพ หากมีภาพเยอะจนกินเนื้อที่ของ iCloud ให้ปิดสวิตช์ในส่วนหัวข้อรูปภาพ (Camera Roll) ทิ้งไป เพื่อเปิดทางให้ iCloud สำรองข้อมูลในส่วนอื่นได้เต็มที่ตลอดเวลา และอย่าลืมสำรองข้อมูลภาพถ่ายด้วยตนเองไว้ในคอมพิวเตอร์เช่นกัน


วิธีสำรองข้อมูลภาพไว้ในคอมพิวเตอร์

การเอารูปลงคอมพิวเตอร์ สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องลง iTunes ก็ได้ แค่โหลดแอป “WiFi Photo Transfer” บน iPhone, iPad หรือ iPod touch แล้วต่อ Wi-Fi ทั้งบนอุปกรณ์และบนคอมพิวเตอร์ของเราให้เป็น Wi-Fi เครือข่ายเดียวกัน (จะแชร์เน็ตจาก iPhone/iPad ไปให้คอมก็ได้)
WiFi Photo Transfer

WiFi Photo Transfer

ราคา: ฟรี
ขนาด : 4.16 MB
อุปกรณ์ที่รองรับ : iPhone 3GS หรือใหม่กว่า, iPod touch รุ่นที่ 5, iPad 2 หรือใหม่กว่า และ iPad mini
iOS Universal App รองรับหน้าจอ iPhone และ iPad

เมื่อต่อ Wi-Fi ทั้งคอมและอุปกรณ์แล้ว ก็แค่พิมพ์ตัวเลขที่เห็นในแอปเข้าไปในช่องพิมพ์ที่อยู่เข้าเว็บไซต์ใน เบราว์เซอร์ที่เราใช้งาน เช่น Google Chrome, Internet Explorer, Firefox หรือ Safari ที่ใช้บนคอมพิวเตอร์ แล้วเข้าไปในอัลบั้มที่ต้องการ > จิ้มปุ่ม Download in .zip เซฟภาพเก็บไว้ทั้งเครื่องได้เลย


การสำรองข้อมูลผ่าน iTunes ในคอมพิวเตอร์

การสำรองข้อมูลผ่าน iTunes จะเก็บข้อมูลทั้งหมดใน iPhone, iPod touch และ iPad ไว้ในคอมพิวเตอร์ของเรา ไม่ได้เก็บไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิลเหมือนสำรองผ่าน iCloud แต่อย่างใด
โดย iTunes จะสำรองข้อมูลทุกอย่างเหมือน iCloud รวมถึงรายชื่อ, ปฏิทิน, โน้ต, เตือนความจำ เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของเราด้วย แต่เพลง, ภาพยนตร์, แอป, ริงโทน ที่ลงจากคอมพิวเตอร์ หรืออยู่ในโปรแกรม iTunes เอง จะไม่ถูกสำรองข้อมูลไว้แต่อย่างใด
เมื่อ Restore from backup (กู้คืนข้อมูลจากสำรองข้อมูล) จะต้องมีข้อมูลเพลง , ภาพยนตร์, แอป, ริงโทน ใน iTunes เพราะ iTunes จะจัดการคืนข้อมูลไปยังตำแหน่งเดิมที่เราใช้ทุกประการ

วิธีการสำรองข้อมูลด้วย iTunes

*สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งาน iOS 7 ต้องติดตั้ง iTunes รุ่น 11.1 หรือสูงกว่าเท่านั้น
อันดับแรก ให้ต่ออุปกรณ์ (iPhone, iPad หรือ iPod touch) เข้ากับคอมพิวเตอร์ จากนั้นเปิดโปรแกรม iTunes ขึ้นมา
หลังจากที่หน้าต่างโปรแกรม iTunes เด้งขึ้นมาแล้ว ให้เข้ามาที่หน้าอุปกรณ์ของเรา โดยคลิกที่ปุ่ม iPhone, iPad หรือ iPod touch มุมบนขวาของหน้าจอ iTunes
จากนั้น ให้กดที่ Backup Now (สำรองข้อมูลเดี๋ยวนี้) เพื่อเริ่มสำรองข้อมูลครับ
itunes backup 2
 (กดที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)
iTunes จะเริ่มสำรองข้อมูลของอุปกรณ์โดยระยะเวลานั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลในอุปกรณ์ หากอุปกรณ์มีรูปภาพหรือวิดีโอเยอะก็จะใช้เวลาสำรองข้อมูลนานขึ้นตามไปด้วย
เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จแล้วเรียบร้อยสำหรับการสำรองข้อมูลด้วย iTunes


iCloud และ iTunes สำรองข้อมูลอะไรให้เราบ้าง?

  • ข้อมูลการดาวน์โหลดหรือซื้อเพลง, ภาพยนตร์, แอป, ริงโทน จาก iTunes Store และ App Store
    * iCloud และ iTunes จะไม่สำรองข้อมูลเพลง, ภาพยนตร์ หรือแอปที่เราลงจากคอมพิวเตอร์ให้ (ข้อมูลส่วนนี้จะอยู่ในคลังของ iTunes อยู่แล้ว)
  • รูปภาพและวิดีโอในม้วนฟิล์ม (Camera Roll)
    ** iCloud และ iTunes จะสำรองข้อมูลภาพและวิดีโอเฉพาะในแอปรูปภาพ (Photos) เท่านั้น จะไม่สำรองข้อมูลวิดีโอในแอปวิดีโอ (Videos) ของเครื่องให้เรา
  • ข้อมูลการใช้งานแอปต่าง ๆ เช่น เซฟเกม, ข้อมูล Facebook, Twitter, LINE ฯลฯ
  • ลำดับการจัดเรียงแอปบนหน้าจอของเรา
  • ข้อความ ทั้ง SMS, MMS และ iMessage
  • การตั้งค่าต่าง ๆ ทั้งหมดของเครื่อง
  • การตั้งค่ารายชื่อ, ปฏิทิน และอีเมล (ไม่สำรองข้อความอีเมลให้ เพราะโหลดมาดูได้ใหม่อยู่แล้ว)
  • รหัสผ่านและข้อมูลในเว็บไซต์ที่เคยเข้าชม
  • รหัสผ่านและการตั้งค่าฺ Bluetooth และ Wi-Fi
  • iCloud สำรองข้อมูลริงโทนให้ด้วย (แต่ iTunes ไม่สำรอง เพราะลงได้จากในคลังอยู่แล้ว)
  • บริการมาตรฐานของ iCloud (รายชื่อ, ปฏิทิน, โน้ต, เตือนความจำ) จะไม่ถูกสำรองข้อมูลไว้อีกรอบใน iCloud เอง เพราะข้อมูลสามารถเรียกใช้งานได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวข้อมูลในส่วนนี้หาย แต่ iTunes จะสำรองข้อมูลเหล่านี้ให้เราด้วย
พูดง่าย ๆ คือ iCloud และ iTunes สำรองข้อมูลที่จำเป็นให้เราเกือบครบหมดแล้ว ขาดก็แต่เพียงข้อมูลที่อยู่ในระบบของ iCloud หรือคลังของ iTunes ที่เรียกใช้ได้ตลอดเวลานั่นเอง
*คำเตือน ใครที่ให้ร้าน หรือให้เพื่อนลงแอป, ลงเพลงให้ iCloud และ iTunes จะไม่สำรองข้อมูลเหล่านี้ให้

ที่มา : macstroke

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

คิดยังไงกันบ้างครับ : แสดงความเห็นให้เพื่อน ๆ รับรู้หน่อย

Post Top Ad